top of page

รีวิว Focal Sphear: High-Resolution In-Ear Headphones


ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมในสินค้ากลุ่ม 'หูฟัง' ได้รับการฟูมฟักจนกระทั่งสินค้าประเภทนี้ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเสพเสียงดนตรีสำหรับคนที่สนใจเครื่องเสียงไฮไฟด้วย

ที่จริงแล้ว 'หูฟัง' ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการไฮไฟแต่อย่างใด หากย้อนเวลากลับไปสักช่วงเวลาหนึ่งเราจะพบว่าหูฟังในกลุ่มที่ออกแบบมาสำหรับคนชอบไฮไฟนั้นก็มีแต่นับรวมกันแล้วไม่น่าจะเกิน 10 ยี่ห้อ และเกือบทั้งหมดมาจากผู้ผลิตที่ใช้ทักษะความชำนาญจากการออกแบบเครื่องเสียงในกลุ่มโปรเฟสชันนัลที่ใช้กันในสตูดิโอหรืองานสำหรับมืออาชีพ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อความต้องการหูฟังเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นก็เริ่มมีผู้ผลิตเครื่องเสียงในกลุ่มไฮไฟหลายยี่ห้อหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าหูฟังกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จจากการทำลำโพงมาก่อน อย่างเช่น หูฟังรุ่น สเฟียร์ 'Sphear' ของยี่ห้อโฟคอล 'Focal' จากประเทศฝรั่งเศสตัวนี้เป็นต้น

Designed Like A Loudspeaker Focal Sphear หูฟังอินเอียร์ตัวแรกของโฟคอล ด้วยความที่ไม่ได้ติดตามหูฟังของโฟคอลสักเท่าไร ผมจึงได้รับรีวิวแซมเปิ้ล Focal Sphear มาแบบที่ไม่เคยได้รับทราบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมันเลย ที่ผ่านมาทราบแต่เพียงว่าทางโฟคอลก็มีสินค้าประเภทหูฟังกับเขาด้วยเหมือนกันแต่เป็นหูฟังแบบครอบเต็มใบหู ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีอยู่สักสองสามรุ่นไม่ขาดไม่เกินไปจากนี้ จากความทรงจำสีจางๆ เข้าใจว่าผมน่าจะเคยฟังหูฟังของโฟคอลอย่างผิวเผินอยู่เพียงไม่กี่ครั้งและยังก็จำได้ว่าสุ้มเสียงของมันถือได้ว่าไม่เลวนัก จะเรียกว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรเลยก็ว่าได้

แต่เจ้า Sphear ตัวนี้เป็นอะไรที่แตกต่าง มันเป็นหูฟังขนาดเล็กประเภทอินเอียร์ (In-Ear Headphone) เวลาใช้งานก็จะมีส่วนใดส่วนหนึ่งของมันแยงเข้าไปในรูหู หูฟังตัวนี้ทำให้ผมเกิดความประหลาดใจอยู่หลายเรื่องโดยเฉพาะที่ผมรู้สึกว่าทางโฟคอลตั้งใจนำเสนอมันมากเป็นพิเศษทั้งที่ค่าตัวของมันถูกกว่าลำโพงของโฟคอลเองหลายเท่า ถ้าเข้าไปในเวบไซต์ของโฟคอล (http://www.focal.com/en/in-ear-headphones/552-sphear.html) จะเห็นว่าพวกเขาอุทิศพื้นที่ให้กับหูฟังรุ่นนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

Focal Sphear เป็นหูฟังอินเอียร์ที่ไม่ได้ใช้ไดรเวอร์ขนาดจิ๋วแบบ Balanced Armature ตามสมัยนิยม แต่เลือกใช้ไดรเวอร์แบบอิเล็กโตรไดนามิกซึ่งเป็นไดรเวอร์หูฟังแบบเบสิกที่สุด มีหลักการทำงานใกล้เคียงไดรเวอร์ลำโพงทั่วๆ ไปมากที่สุด ตัวไดรเวอร์มีแผ่นไดอะแฟรมคอยทำหน้าที่ผลักอากาศโดยอาศัยแรงเหนี่ยวนำของขดลวดวอยซ์คอล์ยกับสนามแม่เหล็ก ตัวไดรเวอร์เป็นขนาด 10.8 มิลลิเมตร ขนาดพอๆ กับที่ใช้อยู่ในหูฟังแบบเอียร์บัดคุณภาพดีหลายต่อหลายรุ่น และถือว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อนำมาใช้ในหูฟังแบบอินเอียร์ ไดรเวอร์ตัวนี้ทางโฟคอลคุยว่าพวกเขาออกแบบมันขึ้นมาเองกับมือ ไม่ได้ไปช้อปปิ้งมาจากโรงงานที่ไหนสักแห่ง

จากภาพกราฟฟิกแสดงชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่ในตัวไดรเวอร์ ผมดูแล้วก็เห็นคล้อยตามกับที่เขาบอก อย่างน้อยหูฟังตัวนี้ก็มีการจูนเสียงมาแน่นอน ทั้งในส่วนของตัวไดรเวอร์และตัวบอดี้ของหูฟังที่เปรียบเสมือนตัวตู้ของลำโพง มีการออกแบบห้องอากาศ (sound chamber) ระบบพอร์ตที่ทำงานร่วมกับระบบเบสรีเฟล็กซ์ (bass-reflex system) ให้ทำงานร่วมกับตัวไดรเวอร์เพื่อจูนเสียงให้เป็นไปตามที่ต้องการ … นี่มันหลักการเดียวกับการออกแบบลำโพงเลยนี่ครับ !

The Smallest Focal หูฟัง Focal Sphear ออกแบบโดยคุณไซมอน แมตธิวส์ ผู้อำนวยการกลุ่มแผนกออกแบบเครื่องเสียงยี่ห้อโฟคอลและยี่ห้อเนม (Naim) ซึ่งปัจจุบันได้ควบรวมเป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้ว คุณไซมอนบอกว่าการออกแบบ Sphear นั้นเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะโจทย์หลักก็คือทำอย่างไรให้หูฟัง Sphear ซึ่งเป็นสินค้าขนาดเล็กที่สุดเท่าที่โฟคอลเคยทำออกมาสามารถ 'ซึมซับความเป็นโฟคอล' เอาไว้ได้มากที่สุด

หมายความว่าถ้าหากเราได้ฟังสินค้าของโฟคอลตั้งแต่หูฟังตัวเล็กๆ อย่าง Sphear จนถึงลำโพงรุ่นใหญ่ในตระกูล Utopia เสียงที่ได้จะต้องมีความละม้ายคล้ายคลึงประมาณว่าออกมาจาก DNA เดียวกัน ไม่ใช่ว่าพอเป็นหูฟังแล้วคุณภาพเสียงเอาแค่พอฟังได้แก้ขัดเท่านั้น

กว่า 2 ปีของเวลาที่ใช้ในการออกแบบหูฟังรุ่นนี้ คุณไซมอนใช้เวลาส่วนหนึ่งร่วมกับทีมออกแบบระบบอะคูสติกของทางโฟคอลเอง นอกเหนือจากนั้นแล้วคือการใช้ความรู้ด้าน Industrial Design ของเขาออกแบบให้หูฟังอินเอียร์ตัวนี้มีรูปทรงที่เข้ากับหูของคนเรามากที่สุดเพื่อความสะดวกสบายในการสวมใส่ใช้งาน อีกทั้งยังให้ความสำคัญเผื่อไปถึงรูปลักษณ์ที่สะดุดตาด้วยราวกับว่าเขากำลังออกแบบเครื่องประดับขึ้นมาสักชิ้น ทั้งหมดนี้ก็ด้วยความตั้งใจจะปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านลบของคนส่วนใหญ่ที่เคยมีต่อหูฟังอินเอียร์ทั่วไป

First Impression ครั้งแรกที่เห็นตัวจริงของ Sphear หน้าตาของมันดูดีสมกับที่เป็นดีไซน์จากเมืองน้ำหอม ที่แน่นอนกว่านั้นคือมันไม่ดูเหมือนหูฟังของยี่ห้อโน่นนี่นั่น แบบที่ผมเคยรู้สึกกับหูฟังบางรุ่น มันเป็นหูฟังอินเอียร์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ในแรกเห็นจนน่าสงสัยว่ามันจะใส่สบายหูอย่างที่เขาคุยไว้ได้อย่างไร

แต่เมื่อได้ลองหยิบจับกันแล้วก็ดูไม่น่ากังวลอย่างที่คิด เพราะมันค่อนข้างเบาแถมตัวหูฟังประกอบได้แน่นหนาดีมาก ยิ่งพอได้ลองสวมใส่ใช้งานก็พบว่าบอดี้ที่ดูอวบกลมของมันกลับเข้ากันได้ดีกับสรีระของใบหูแม้ว่าช่วงแรกๆ อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกันอยู่บ้างก็ตาม ส่วนที่เป็นแกนยื่นเข้าไปในรูหูนั้นก็มีขนาดกำลังดีโดยเฉพาะถ้าเลือก ear tip หรือจุกหุ้มตรงส่วนปลายของแกนหูฟังให้พอดีกับรูหูแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอินเอียร์อีกรุ่นที่ใส่สบายหูใช้ได้เลย ซึ่งจุกหุ้มที่ว่านี้เขาก็แถมมาให้ 2 แบบ แบบหนึ่งเป็นจุกซิลิโคนสีขาวขุ่น อีกแบบเป็นจุกโฟมเนื้อนุ่มสีเทาดำ แต่ละแบบมีให้เลือกใช้ด้วยกัน 3 คู่ แบ่งเป็นขนาดเล็ก กลางและใหญ่ ส่วนตัวผมเลือกใช้ขนาดจุกซิลิโคนขนาดกลาง ที่ไม่เลือกจุกโฟมเพราะคิดว่ามันทำให้โทนเสียงเปลี่ยนไปคือไปหนุนเน้นช่วงกลางต่ำขึ้นมาอีก ซึ่งผมไม่ชอบเสียงของมันเท่าตอนที่ใช้จุกซิลิโคน อุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับตัวหูฟังนอกจากชุด ear tip แล้วยังมีอะแดปเตอร์สำหรับใช้งานบนเครื่องบินและกระเป๋าใส่หูฟังขนาดกะทัดรัดปั๊มโลโก้ยี่ห้อโฟคอลแถมมาให้ด้วย

สายหูฟังของ Sphear เป็นแบบติดตายตัวไม่สามารถถอดเก็บหรือเปลี่ยนได้โดยตรง ตัวสายมีความยาวราว 1 เมตรเศษเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ตัวสายมีความอ่อนนุ่มวัสดุที่ใช้พิจารณาแล้วน่าจะมีความทนทานพอสมควร สายของหูฟังรุ่นนี้มีปุ่มควบคุมและไมโครโฟนติดมาให้ด้วยสำหรับใช้งานเป็นแฮนด์ฟรีร่วมกับโทรศัพท์มือถือ ตัวปุ่มควบคุมแม้ว่าจะมีแค่ปุ่มเดียวแต่ก็ทำหน้าที่ได้หลากหลาย ว่าไปตั้งแต่การรับ/วางสาย หรือการสั่งเล่นเพลง/หยุดเพลงหรือข้ามเพลง รองรับการใช้งานกับทั้งโทรศัพท์ระบบ iOS, Android และ Windows Phone

ผมชอบใจการวางตำแหน่งปุ่มกดที่เขาวางเอาไว้ตรงจุดแยกสายที่จะออกไปยังหูฟังทั้งสองข้าง มันทำให้สามารถคลำหาได้ง่ายและใช้งานได้ถนัดมือกว่าหูฟังแบบมีแฮนด์ฟรีส่วนใหญ่ที่นิยมเอาปุ่มนี้ไปรวมไว้กับไมโครโฟนซึ่งเวลาใช้งานจริงมักจะคลำหาไม่ค่อยเจอ การระบุแชนเนลหรือข้างของหูฟังว่าเป็นข้างซ้ายหรือขวาอาจจะสังเกตเห็นได้ยากสักหน่อยแต่ถ้าจำได้ว่าตัวไมโครโฟนจะติดอยู่กับสายหูฟังข้างซ้าย อันนี้ก็ง่ายเลยครับแค่หยิบขึ้นมาก็รู้แล้วว่าเป็นหูฟังข้างไหน

เสียงของ Sphear ในสภาพใหม่แกะกล่องฉายแววแนวเสียงของลำโพงโฟคอลออกมาอย่างเด่นชัดในลักษณะของเสียงที่กระจ่างชัด ดุลเสียงโดยรวมมีลักษณะสดใส ลักษณะเสียงที่ยังขาดๆ เกินๆ ตามประสาของใหม่ที่ยังไม่ได้ยืดเส้นยืดสายลดน้อยลงไปมากหลังจากผ่านการใช้งานเป็นเวลา 8-10 ชั่วโมงในวันแรก

ข้อมูลทางเทคนิคแจ้งเอาไว้ว่าหูฟังรุ่นนี้มีอิมพิแดนซ์อยู่ที่ 16 โอห์ม ความไว 103dB (SPL 1mW, 1kHz) ช่วงความถี่ตอบสนองตั้งแต่ 20Hz-20kHz ดูจากข้อมูลนี้ก็พอจะบอกได้ว่ามันเป็นหูฟังที่ขับค่อนข้างง่าย ซึ่งนั่นก็สอดคล้องกับความเป็นจริงในเวลาใช้งาน สมาร์ตโฟนทั่วไปหรือ DAP ตัวเล็กๆ ก็ขับหูฟังตัวนี้ออกได้อย่างไม่ยากเย็น

ทางโฟคอลยังแจ้งเอาไว้ว่าหูฟังรุ่นนี้ถูกออกแบบให้เน้นเสียงย่านความถี่ต่ำมากกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อให้ชดเชยกับเสียงรบกวนแวดล้อมในขณะที่ใช้งานแบบพกพาไปนอกสถานที่ เห็นข้อความนี้ทีแรกผมก็อดกังวลไม่ได้นะครับว่าการให้เสียงทุ้มของมันจะมาแนวไหน จะเป็นเสียงทุ้มที่เห่อบวมท่วมล้นจนทับเสียงอื่นๆ หรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เยอะอะไรมากมายอย่างที่คิดเลย ถ้าไม่บอกนี่ก็ไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าเขาตั้งใจออกแบบมาอย่างนั้น

เสียงทุ้มที่ได้จากหูฟังตัวนี้ถือได้ว่าเข้าข่ายเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ไม่ใช่หูฟังสำหรับคนหิวกระหายเสียงทุ้ม ซึ่งลักษณะเช่นนี้สามารถพบได้ในลำโพงเล็กที่จูนเสียงทุ้มมาได้ดี คือให้รายละเอียดเสียงทุ้มออกมาได้เกินตัว แต่ไม่ใช่เสียงทุ้มแบบตั้งใจเบ่งให้ใหญ่เกินจริง และส่วนตัวผมไม่ชอบหูฟังที่มีเสียงทุ้มเยอะๆ ล้นๆ อย่างนั้นเลย มันฟังดูน่ารำคาญมากกว่าน่าฟัง

High-Resolution ? ดูจากการสื่อสารที่นำเสนอออกมาผมว่าโฟคอลดูจะตั้งใจใช้คำว่า High-Resolution กับหูฟังตัวนี้นะครับ ไม่ว่าจะเป็น 'High-Resolution In-Ear Headphones' หรือ 'High-Resolution Sound' แม้จะยังไม่แน่ใจว่า 'High-Resolution' ในที่นี้จะเป็นความหมายเดียวกันกับที่ผมเข้าใจหรือเปล่า แต่เมื่อได้ฟังเสียงและทำความคุ้นเคยกันไปสักพักแล้วผมก็รู้สึกคล้อยตามไปได้เหมือนกันครับ โดยเฉพาะถ้าคำว่า High-Resolution ของโฟคอลจะหมายถึงการแจกแจงรายละเอียดออกมาในแนวทางอย่างที่ควรจะเป็น

ที่จริงแล้วช่วงแรกของการใช้งานหูฟังตัวนี้ผมไม่ได้ใช้มันฟังเพลงแต่ใช้เป็นมอนิเตอร์ฟังเสียงจากวิดีโอที่ถ่ายมาสำหรับตัดต่อเอาลงออนไลน์ที่ยูทูปแชนเนลของ GM2000 ที่ผ่านมาหลายครั้งผมรู้สึกผิดหวังเวลาที่ใช้หูฟังมอนิเตอร์แล้วเสียงที่ได้ยินแตกต่างจากเสียงจริงที่ผมได้ยินในขณะกำลังบันทึกวิดีโอไปมาก บางตัวกลบเกลื่อน noise ความถี่ต่ำ บางตัวกลบเกลื่อน noise ความถี่สูง บางตัวทำให้เสียงพูดผิดเพี้ยนไป แต่ผมคงจะไม่สะดวกนักถ้าต้องพกหูฟังฟูลไซส์อย่าง Shure SRH-940 ไปด้วยเวลาจะมอนิเตอร์เสียงนอกสถานที่ แต่ตอนนี้ผมมีทางเลือกใหม่แล้วนั่นคือหูฟังของโฟคอลตัวนี้

เมื่อผมใช้ Sphear ฟังเพลงจากสมาร์ตโฟน (iPhone4s, iPhone6 ใช้แอพฯ Onkyo HF และ NePlayer) เสียงที่ได้น่าพอใจกว่าหูฟังแถมของตัวไอโฟนทั้งสองรุ่นเองชัดเจน แต่เมื่อเทียบกับหูฟังอินเอียร์ในระดับดีมากอย่าง Klipsch Image X10i (ราคาหมื่นกว่าบาท) หูฟังของโฟคอลยังเป็นรองเรื่องการแยกมิติเสียงและความพลิ้วหวานของชิ้นดนตรีในย่านความถี่สูง ส่วนด้านอื่นๆ นั้นถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ในกรณีที่จะใช้งานกับสมาร์ตโฟนก็ถือว่าหูฟังของโฟคอลมีความคุ้มค่าน่าใช้ ขอเพียงแต่ให้พิถีพิถันสักหน่อยกับแอพฯ ที่ใช้เล่นและไฟล์เพลงที่เอามาฟัง ไฟล์เพลงประเภทบีบอัดจนไม่เหลือชิ้นดีพยายามหลีกเลี่ยงเพราะหูฟังมันจะฟ้องออกมาจนทำให้ฟังไม่เพลินรูหู

ตัวเลือกที่ดียิ่งกว่านั้นคือการใช้เครื่องเล่นพกพาประเภท DAP คุณภาพดีอย่างเช่น Lotoo PAW5000 (รีวิวใน GM2000 ฉบับเดือนตุลาคม 2558) เครื่องเล่นตัวนี้ยิ่งทำให้ Sphear เสียงดียิ่งขึ้นไปอีก มันไม่ใช่แค่เสียงที่นุ่มนวลหรืออิ่มละเมียดมากขึ้น แต่เป็นเสียงที่มีความมั่นคงแน่นอน มีความจริงจังลงไปในแต่ละรายละเอียด เหมือนเสียงนั้นๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาบนรากฐานที่มั่นคงมากขึ้น ไฟล์ PCM 24/96 อัลบั้ม Cheek to Cheek ของ Tony Bennett และ Lady Gaga จาก HDtracks ถ่ายทอดผ่านหูฟังของโฟคอลด้วยเส้นเสียงที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลมาก โดยเฉพาะรายละเอียดการเปล่งเสียงและการคุมเสียงร้องของนักร้องต่างวัยแต่ร่วมยุคทั้งคู่ที่เคยถูกผมมองข้ามไป หูฟังของโฟคอลทำให้ผมต้องเลือกงานชุดนี้เอาไว้เป็นอัลบั้มเพลงโปรดอีกหนึ่งชุด

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เสียงดีที่สุดที่ผมรับรู้ได้ในระหว่างการรีวิวหูฟังตัวนี้เพราะเมื่อผมฟัง DAC/AMP ตัวเล็กสเปคฯ โตอย่าง OPPO HA-2 ที่รีวิวลง GM2000 ฉบับเดียวกันนี้ก็พบว่ามันทำให้ Sphear ที่เสียงเหมือนลำโพงของโฟคอลเองอยู่แล้ว เหมือนลำโพงของโฟคอลมากยิ่งขึ้นไปอีกแต่เป็นลำโพงในรุ่นที่สูงขึ้น

ภาคถอดรหัสและภาคขยายหูฟังที่ผ่านกระบวนการวิศวกรรมมาอย่างดีของ HA-2 ช่วยขับเน้นให้ 'High-Resolution Sound' ของหูฟังตัวนี้มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก มันชัดเจนมากเมื่อผมฟังงานรีมาสเตอร์ชุด James Newton Howard & Friends จากค่าย Sheffield Lab ที่เพิ่งวางจำหน่ายในเวบไซต์ HDtracks เป็นเวอร์ชั่น PCM 24/96 เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าเสียงที่ได้จะยังมีสเกลของเสียงไม่เท่าหูฟังฟูลไซส์อย่าง Shure SRH-940 แต่ลักษณะการให้เสียงมันมาในแนวทางเดียวกันคือ ชัดเจน เข้มข้น ฟังดูมีความเป็นกลางในแต่ละย่านความถี่ในระดับหนึ่ง รายละเอียดของเสียงทุ้มถ่ายทอดออกมาตามที่มีอยู่ในเพลง ย่อหย่อนเรื่องน้ำหนักของเสียงไปบ้างเมื่อเทียบกับหูฟังฟูลไซส์ อย่างที่ได้เรียนไว้ข้างต้นแหละครับ หูฟังตัวนี้ฟังดูเหมือนลำโพงเล็กคุณภาพดีมากกว่าจะให้เสียงใหญ่โตเกินตัวอย่างที่ได้จากลำโพงตั้งพื้นขนาดใหญ่ เสียงทุ้มที่ไม่เยอะมาก นั่นก็ไม่ได้แปลว่ามันมีน้อย แต่มันมีเท่าที่ควรจะมี ขาด/เกินไปบ้างก็อยู่ในอัตราส่วนที่ไม่ได้น่าเกลียด

และเมื่อลองขยับขยายไปใช้ DAC/AMP ที่มีหลอดสุญญากาศอยู่ในส่วนผสมของวงจรอิเล็กทรอนิกส์อย่าง ALO Continental Dual Mono (ราคาขายปัจจุบันที่หน้าร้าน Jet Live Audio อยู่ที่ 55,900 บาท) เสียงที่ได้จากหูฟังตัวนี้ก็ยังสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ควรจะได้ยินจากการอัพเกรดตัว DAC/AMP ด้วยการจ่ายเพิ่มไปอีกห้าเท่า หมายความว่าเสียงของหูฟังตัวนี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ตัวมันเอง ถ้าได้อุปกรณ์สนับสนุนที่ดีขึ้นเสียงของมันก็ดีขึ้นตามไปด้วยในอัตราส่วนที่สมควรจะเป็น ได้หลอดเข้าไปก็มีไออุ่นและความหวานนุ่มของหลอดเจือเข้ามาให้ได้ยิน

นอกจากนั้นภาคอิเล็กทรอนิกส์ที่ดีขึ้นยังสนับสนุนให้รายละเอียดของดนตรีที่ถ่ายทอดผ่านหูฟังตัวนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นตามกันไปด้วย ซึ่งผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะไปอั้นที่ DAC/AMP ราคาเท่าไร แต่ที่แน่ๆ คือทุกครั้งที่อัพเกรดซิสเตมมาเล่นกับหูฟังตัวนี้ มันก็ทำให้ผมเพลินกับเพลงเดิมๆ ได้อีกไม่รู้เบื่อ

Focal DNA ในแง่ของสินค้า Focal Sphear เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกจากผู้ผลิตลำโพงที่กระโดดเข้ามาในตลาดหูฟังเล็ก แต่ในแง่ของความเป็นจริงที่ได้สัมผัส ผมคิดว่าหูฟังตัวนี้ทางโฟคอลตั้งใจทำมาเพื่อประกาศความภาคภูมิในฐานะของผู้ผลิตลำโพงรุ่นเก๋าที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เองตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ที่ผ่านมาโฟคอลสามารถออกแบบและผลิตลำโพงได้ตั้งแต่ยูนิตไดรเวอร์ไปจนถึงลำโพงทั้งตู้ เมื่อมาทำหูฟัง DNA เหล่านั้นก็ยังคงได้รับการถ่ายทอดมาด้วย

ด้วยราคาและคุณภาพเสียงในระดับนี้ ผมว่า Focal Sphear น่าจะตอบโจทย์ของหูฟังระดับเริ่มต้นสำหรับคนไฮไฟได้ไม่ยาก นอกจากเรื่องราคาและคุณภาพเสียงแล้ว ดีไซน์ของมันจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณอยากควักกระเป๋า ...เหมือนอย่างที่ได้เกิดขึ้นกับผมมาแล้ว

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท ไฟว์-เดซิเบล จำกัด โทร.0-2945-6744-6

 

Shortcut

#ถูกใจ

วัสดุมีคุณภาพดี ดีไซน์สวย อุปกรณ์เสริมให้มาครบ สวมใส่ใช้งานได้ค่อนข้างสบาย 
ได้คุณภาพเสียงที่ถอดแบบมาจากลำโพงของโฟคอลเอง เด่นมากในแง่ของรายละเอียดเสียงกลางและแหลม

 

#ยังไม่ถูกใจ

ไม่มี สำหรับหูฟังในระดับราคานี้

 

#แนะนำสำหรับ

คนที่ต้องการหูฟังขนาดเล็กสำหรับใช้งานแบบพกพาและต้องการคุณภาพเสียงที่ดีในเวลาเดียวกัน

© 2016 by Montri@Live with Tech. Proudly created with Wix.com

bottom of page